Edit title Here

Blogger templates

10/07/2555

ลิเวอร์พูล 0-0 สโต๊ค ซิตี้

ลิเวอร์พูล 0-0 สโต๊ค ซิตี้
เบรนแดน รอดเจอร์สยังไว้วางใจใช้นักเตะพลังหนุ่มลงสนามแบบไม่มีพลิกโผนำโดยอันเดร วิสดอม, ซูโซ่และราฮีม สเตอร์ลิ่งส่วนขุมกำลังหลักยังเป็นหน้าที่ของสตีเว่น เจอร์ราร์ดคุมแดนกลางคู่กับโจ อัลเลนและนูริ ซาฮินโดยมีหลุยส์ ซัวเรซที่ซัดแฮททริคในเกมลีกนัดก่อนลงล่าตาข่าย

ด้านโทนี่ พูลิสจัดทีมที่สมบูรณ์ลงสนามแต่ยังไม่มีไมเคิ่ล โอเว่นทั้งในและข้างสนามเป็นหน้าที่ของปีเตอร์ เคร้าช์ที่กำลังท็อปฟอร์มลงป่วนแนวรับ"หงส์แดง"ขณะที่แดนกลางมีชาร์ลี อดัมที่ได้กลับมาเล่นในแอนฟิลด์เป็นนัดแรกนับตั้งแต่ย้ายออกจากทีมเมื่อช่วง ซัมเมอร์เป็นตัวบงการเกม 

ครึ่งแรก 

เหยินหลอก 2 ชั้นหงส์ได้เสียว 
เกมของทั้งคู่ยังแทบไม่มีจังหวะอะไรเป็นชิ้นเป็นอันที่ได้เสียวเป็นลูกที่ซา ฮินวางยาวข้ามฝากมาให้ซัวเรซดูดลงเกือบๆปีกซ้ายก่อนลากยึกยักหลอกคาเมรอนสอง หนตรงเส้นหลังจนล้มลุกคลุกคลานแล้วปาดมาให้ซาฮินตั้งเท้ายิงแต่ไปติดสเตอร์ ลิ่งพวกเดียวกันอย่างน่าเสียดาย 

หงส์เผลอหวิดพัง 
นาที 15 ทีมเยือนได้ฟรีคิกระยะเปิดเข้ามาวัดดวงน่าลุ้นและเป็นวีแลนที่ปั่นไซด์มาที่ จุดนัดพบบอลหลุดมาถึงเสาสองกำลังจะเข้าทางปืนเพื่อนร่วมทีมแต่สเคอร์เทลตวัด ทิ้งแบบหวุดหวิดสุดๆ 

เรน่าเฟอะฟะเกือบเน่า
นาที 20 เรน่าทำเอาเดอะ ค็อปหัวใจแทบวายหลังออกบอลเลียดหน้าประตูตัวเองให้เพื่อนแต่ตรงนั้นมีผู้ เล่นสโต๊คยืนแทบจะดูดปากกันเลยถูกตัดได้ก่อนที่วอลเตอร์สจะรับหยอดชิพหมาย ข้ามหัวแต่โกล์เชิญยิ้มถอยหลังปัดทิ้งยอมเสียเตะมุมก่อนแก้เขินด่าเพื่อนทำ ไม้ทำมือว่าพวกมึงทำไมไม่ขยับมาเอาบอล 

หัวขิงยิงไกลเจอเซฟแจ่ม 
เกมของ"หงส์แดง"ไม่ได้เหนือกว่าสโต๊คเลยเพราะเจอเข้าเร็วถึงเนื้อถึงตัวแต่ กรรมการก็เริ่มปกป้องบ้างแล้วหลังให้ใบเหลืองไนท์ลีย์ที่ไปเสียบใส่อัลเลนจน ล้มหัวทิ่มแต่นาที 26 เศษๆเจอร์ราร์ดเห็นเจาะยากแล้วได้บอลไร้ตัวเข้าประกบเลยลากมายิงไกล 25 หลาบอลพุ่งสุดแรงแต่เบโกวิชพุ่งปัดทิ้งข้างเสา สุดยอดทั้งคู่ 

แอกเกอร์แหย่หวิดหาย
อีก 2 นาทีต่อมาเจ้าถิ่นได้เสียวอีกหนหลังซูโซ่พยายามยิงไกลแต่บอลติดบล็อกแล้วมา เข้าทางอีกหนคราวนี้เลยหยอดเข้าเขตโทษเป็นแอกเกอร์ที่สอดมาสไลด์แหย่สุดปลาย ขาบอลค่อยๆกลิ้งออกข้างเสาไปอย่างน่าเสียดาย 

หม้อหนักต่อเนื่อง 
นาที 33 ทีมเยือนจ่ายบอลเสียกลางสนามเจอร์ราร์ดโชว์ดักบอลแล้วแทงให้ซัวเรซแตะอ้อม ตัวฮูธที่สไลด์ทิ้งตัวกะเอาให้ขาขาดแต่พอเหยินเบี่ยงหลบเจอกวาด กรรมการชักใบเหลืองทันทีเพราะเป็นจังหวะกำลังจะหลุดไปทำประตู 

หม่อมเหยินเข้าหนัก 
นาทีสุดท้ายของครึ่งแรกซูโซ่จ่ายบอลทะลุช่องให้ซัวเรซเบียดผ่านกองหลัง เข้าไปในกรอบเขตโทษแต่จังหวะสุดท้ายเบโกวิชพุ่งออกมารับทั้งบอลทั้งขา ของ"หม่อมเหยิน"ก่อนลุกขึ้นมาต่อว่าเล็กน้อยที่ดาวยิง"หงส์แดง"ไม่ยอมแตะ เบรกก่อนที่จะหมดครึ่งแรกไปด้วยสกอร์ 0-0 

ครึ่งหลัง 

หงส์ชิ่งสไตล์บุกใส่หม้อ 
เจ้าถิ่นดาหน้าบุกด้วยสไตล์การทำชิ่งเนียนตามากขึ้นเรื่อยๆแต่ก็ยังแค่ ป้วนเปี้ยนอยู่หน้าปากเขตโทษของสโต๊คยังไม่มีโอกาสได้จบแบบจะแจ้งมากนักและ ในนาทีที่ 50 เกล็น จอห์นสันทนต่อบอลไม่ไหวลองลักไก่ยิงไกลจากนอกเขตโทษเบโกวิชล้มตะครุบไว้ได้ 

ถัดมาอีกไม่กี่นาทีเจอร์ราร์ดได้บอลกลางสนามก่อนมองไกลและจ่ายคิลเลอร์พาสไป ให้จอห์นสันที่เติมหน้าตั้งขึ้นมาในกรอบเขตโทษด้านซ้ายก่อนที่ตะยิงบอลเร็ว ข้ามคานออกไป 

หงส์ดีแต่ป้อยิงไม่เป็น 
ผ่านมา 1 ชั่วโมงเต็มเกมยังคงอึดอัดอย่างยิ่งเพราะลิเวอร์พูลครองบอลได้แทบจะหมดก็ จริงแต่ยังไม่อาจมีจังหวะเข้าทำสวยๆได้แค่ผ่านบอลกันไปมาแล้วก็มาเสียใน จังหวะสุดท้ายเท่านั้น 

เหยินโชว์เดี่ยวได้จบเหมือนกัน 
น. 61 ซัวเรซโชว์จังหวะพ่อเลี้ยงอีกแล้วเมื่อได้บอลตรงกลางสนามก่อนก้มหน้าเลี้ยง ตามสไตล์ผ่านกองหลังของสโต๊ค 2-3 คนที่สกัดไม่อยู่ก่อนจะหลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษแต่จังหวะยิงกลับเสียหลักนิดๆ ทำให้อัดด้วยซ้ายบอลข้ามคานออกไป 

โคลคัมแบ็กประเดิมพรีเมียร์นัดแรก 
เกมยังดูตื้อๆสำหรับเจ้าถิ่นทำให้รอดเจอร์สจำเป็นต้องแก้เกมบ้างด้วยการส่ง โจ โคลที่หายจากอาการเดี้ยงยาวกลับมาลงสนามแทนซูโซ่ที่เล่นได้เด่นเหมือนกันใน แมตช์นี้ในนาทีที่ 67 

สเตอร์ลิ่งแปชนเสา 
น. 71 แอกเกอร์เห็นบรรดาแนวรุกไร้จินตนาการไม่ไหวจัดการลากบอกขึ้นมาสอนวิธีเล่น เกมบุกและสามารถลากเข้าไปในกรอบเขตโทษด้านซ้ายก่อนปาดบอลมาถึงเสาสองให้สเต อร์ลิ่งที่ยืนอยู่โล่งๆตัดสินใจแปด้วยขวาทันทีบอลผ่านเบโกวิชไปแล้วแต่ดันไป ชนโคนเสาออกหลังไป 

หม่อมเหยินพุ่งอีกแล้ว 
เป็นจังหวะที่ซัวเรซพยายามเลี้ยงแหวกกองหลังทีมเยือนเข้าไปในกรอบเขตโทษและ พยายามล็อกบอลกลับมาด้านหลังซึ่งชอว์ครอสส์เอาเท้าไปเกี่ยว"หม่อมเหยิน"แบบ แทบไม่โดนทำให้ดาวเตะอุรุกวัยพุ่งล้มทันทีแต่ไร้เสียงนกหวีดของกรรมการ 

หลังจากนั้นซัวเรซก็ได้ลุ้นทำประตูอีกครั้งจากจังหวะที่เลี้ยงบอลเข้าไปใน กรอบเขตโทษด้านขวาก่อนก้มหน้ายิงมุมแคบแต่บอลไปโดนเสาดังสนั่นออกหลังไปอีก ครั้ง 

เข้าหนักได้ผลหงส์บ้อท่าตีหม้อไม่แตก 
ลิเวอร์พูลมีโอกาสได้ลุ้นประตูอย่างที่สุดในจังหวะที่สตีเว่น เจอร์ราร์ดเปิดฟรีคิกไกลร่วม 40 หลามาให้สเคอร์เทลที่อยู่เสาไกลเบียดกับกองหลังสโต๊คก่อนเกี่ยวบอลผ่านปาก ประตูที่มีซัวเรซยืนอยู่แต่เข้าไม่ถึงบอลผ่านออกหลังไปในช่วงนาทีสุดท้ายของ เกมก่อนจบด้วยการเจ๊าแบบไร้สกอร์ 

ที่มา : http://www.hugball.com/matchreport-Premier-League-Liverpool-vs-Stoke-City-5751.html

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น