Edit title Here

Blogger templates

10/07/2555

ลิเวอร์พูล 0-0 สโต๊ค ซิตี้

ลิเวอร์พูล 0-0 สโต๊ค ซิตี้
เบรนแดน รอดเจอร์สยังไว้วางใจใช้นักเตะพลังหนุ่มลงสนามแบบไม่มีพลิกโผนำโดยอันเดร วิสดอม, ซูโซ่และราฮีม สเตอร์ลิ่งส่วนขุมกำลังหลักยังเป็นหน้าที่ของสตีเว่น เจอร์ราร์ดคุมแดนกลางคู่กับโจ อัลเลนและนูริ ซาฮินโดยมีหลุยส์ ซัวเรซที่ซัดแฮททริคในเกมลีกนัดก่อนลงล่าตาข่าย

ด้านโทนี่ พูลิสจัดทีมที่สมบูรณ์ลงสนามแต่ยังไม่มีไมเคิ่ล โอเว่นทั้งในและข้างสนามเป็นหน้าที่ของปีเตอร์ เคร้าช์ที่กำลังท็อปฟอร์มลงป่วนแนวรับ"หงส์แดง"ขณะที่แดนกลางมีชาร์ลี อดัมที่ได้กลับมาเล่นในแอนฟิลด์เป็นนัดแรกนับตั้งแต่ย้ายออกจากทีมเมื่อช่วง ซัมเมอร์เป็นตัวบงการเกม 

ครึ่งแรก 

เหยินหลอก 2 ชั้นหงส์ได้เสียว 
เกมของทั้งคู่ยังแทบไม่มีจังหวะอะไรเป็นชิ้นเป็นอันที่ได้เสียวเป็นลูกที่ซา ฮินวางยาวข้ามฝากมาให้ซัวเรซดูดลงเกือบๆปีกซ้ายก่อนลากยึกยักหลอกคาเมรอนสอง หนตรงเส้นหลังจนล้มลุกคลุกคลานแล้วปาดมาให้ซาฮินตั้งเท้ายิงแต่ไปติดสเตอร์ ลิ่งพวกเดียวกันอย่างน่าเสียดาย 

หงส์เผลอหวิดพัง 
นาที 15 ทีมเยือนได้ฟรีคิกระยะเปิดเข้ามาวัดดวงน่าลุ้นและเป็นวีแลนที่ปั่นไซด์มาที่ จุดนัดพบบอลหลุดมาถึงเสาสองกำลังจะเข้าทางปืนเพื่อนร่วมทีมแต่สเคอร์เทลตวัด ทิ้งแบบหวุดหวิดสุดๆ 

เรน่าเฟอะฟะเกือบเน่า
นาที 20 เรน่าทำเอาเดอะ ค็อปหัวใจแทบวายหลังออกบอลเลียดหน้าประตูตัวเองให้เพื่อนแต่ตรงนั้นมีผู้ เล่นสโต๊คยืนแทบจะดูดปากกันเลยถูกตัดได้ก่อนที่วอลเตอร์สจะรับหยอดชิพหมาย ข้ามหัวแต่โกล์เชิญยิ้มถอยหลังปัดทิ้งยอมเสียเตะมุมก่อนแก้เขินด่าเพื่อนทำ ไม้ทำมือว่าพวกมึงทำไมไม่ขยับมาเอาบอล 

หัวขิงยิงไกลเจอเซฟแจ่ม 
เกมของ"หงส์แดง"ไม่ได้เหนือกว่าสโต๊คเลยเพราะเจอเข้าเร็วถึงเนื้อถึงตัวแต่ กรรมการก็เริ่มปกป้องบ้างแล้วหลังให้ใบเหลืองไนท์ลีย์ที่ไปเสียบใส่อัลเลนจน ล้มหัวทิ่มแต่นาที 26 เศษๆเจอร์ราร์ดเห็นเจาะยากแล้วได้บอลไร้ตัวเข้าประกบเลยลากมายิงไกล 25 หลาบอลพุ่งสุดแรงแต่เบโกวิชพุ่งปัดทิ้งข้างเสา สุดยอดทั้งคู่ 

แอกเกอร์แหย่หวิดหาย
อีก 2 นาทีต่อมาเจ้าถิ่นได้เสียวอีกหนหลังซูโซ่พยายามยิงไกลแต่บอลติดบล็อกแล้วมา เข้าทางอีกหนคราวนี้เลยหยอดเข้าเขตโทษเป็นแอกเกอร์ที่สอดมาสไลด์แหย่สุดปลาย ขาบอลค่อยๆกลิ้งออกข้างเสาไปอย่างน่าเสียดาย 

หม้อหนักต่อเนื่อง 
นาที 33 ทีมเยือนจ่ายบอลเสียกลางสนามเจอร์ราร์ดโชว์ดักบอลแล้วแทงให้ซัวเรซแตะอ้อม ตัวฮูธที่สไลด์ทิ้งตัวกะเอาให้ขาขาดแต่พอเหยินเบี่ยงหลบเจอกวาด กรรมการชักใบเหลืองทันทีเพราะเป็นจังหวะกำลังจะหลุดไปทำประตู 

หม่อมเหยินเข้าหนัก 
นาทีสุดท้ายของครึ่งแรกซูโซ่จ่ายบอลทะลุช่องให้ซัวเรซเบียดผ่านกองหลัง เข้าไปในกรอบเขตโทษแต่จังหวะสุดท้ายเบโกวิชพุ่งออกมารับทั้งบอลทั้งขา ของ"หม่อมเหยิน"ก่อนลุกขึ้นมาต่อว่าเล็กน้อยที่ดาวยิง"หงส์แดง"ไม่ยอมแตะ เบรกก่อนที่จะหมดครึ่งแรกไปด้วยสกอร์ 0-0 

ครึ่งหลัง 

หงส์ชิ่งสไตล์บุกใส่หม้อ 
เจ้าถิ่นดาหน้าบุกด้วยสไตล์การทำชิ่งเนียนตามากขึ้นเรื่อยๆแต่ก็ยังแค่ ป้วนเปี้ยนอยู่หน้าปากเขตโทษของสโต๊คยังไม่มีโอกาสได้จบแบบจะแจ้งมากนักและ ในนาทีที่ 50 เกล็น จอห์นสันทนต่อบอลไม่ไหวลองลักไก่ยิงไกลจากนอกเขตโทษเบโกวิชล้มตะครุบไว้ได้ 

ถัดมาอีกไม่กี่นาทีเจอร์ราร์ดได้บอลกลางสนามก่อนมองไกลและจ่ายคิลเลอร์พาสไป ให้จอห์นสันที่เติมหน้าตั้งขึ้นมาในกรอบเขตโทษด้านซ้ายก่อนที่ตะยิงบอลเร็ว ข้ามคานออกไป 

หงส์ดีแต่ป้อยิงไม่เป็น 
ผ่านมา 1 ชั่วโมงเต็มเกมยังคงอึดอัดอย่างยิ่งเพราะลิเวอร์พูลครองบอลได้แทบจะหมดก็ จริงแต่ยังไม่อาจมีจังหวะเข้าทำสวยๆได้แค่ผ่านบอลกันไปมาแล้วก็มาเสียใน จังหวะสุดท้ายเท่านั้น 

เหยินโชว์เดี่ยวได้จบเหมือนกัน 
น. 61 ซัวเรซโชว์จังหวะพ่อเลี้ยงอีกแล้วเมื่อได้บอลตรงกลางสนามก่อนก้มหน้าเลี้ยง ตามสไตล์ผ่านกองหลังของสโต๊ค 2-3 คนที่สกัดไม่อยู่ก่อนจะหลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษแต่จังหวะยิงกลับเสียหลักนิดๆ ทำให้อัดด้วยซ้ายบอลข้ามคานออกไป 

โคลคัมแบ็กประเดิมพรีเมียร์นัดแรก 
เกมยังดูตื้อๆสำหรับเจ้าถิ่นทำให้รอดเจอร์สจำเป็นต้องแก้เกมบ้างด้วยการส่ง โจ โคลที่หายจากอาการเดี้ยงยาวกลับมาลงสนามแทนซูโซ่ที่เล่นได้เด่นเหมือนกันใน แมตช์นี้ในนาทีที่ 67 

สเตอร์ลิ่งแปชนเสา 
น. 71 แอกเกอร์เห็นบรรดาแนวรุกไร้จินตนาการไม่ไหวจัดการลากบอกขึ้นมาสอนวิธีเล่น เกมบุกและสามารถลากเข้าไปในกรอบเขตโทษด้านซ้ายก่อนปาดบอลมาถึงเสาสองให้สเต อร์ลิ่งที่ยืนอยู่โล่งๆตัดสินใจแปด้วยขวาทันทีบอลผ่านเบโกวิชไปแล้วแต่ดันไป ชนโคนเสาออกหลังไป 

หม่อมเหยินพุ่งอีกแล้ว 
เป็นจังหวะที่ซัวเรซพยายามเลี้ยงแหวกกองหลังทีมเยือนเข้าไปในกรอบเขตโทษและ พยายามล็อกบอลกลับมาด้านหลังซึ่งชอว์ครอสส์เอาเท้าไปเกี่ยว"หม่อมเหยิน"แบบ แทบไม่โดนทำให้ดาวเตะอุรุกวัยพุ่งล้มทันทีแต่ไร้เสียงนกหวีดของกรรมการ 

หลังจากนั้นซัวเรซก็ได้ลุ้นทำประตูอีกครั้งจากจังหวะที่เลี้ยงบอลเข้าไปใน กรอบเขตโทษด้านขวาก่อนก้มหน้ายิงมุมแคบแต่บอลไปโดนเสาดังสนั่นออกหลังไปอีก ครั้ง 

เข้าหนักได้ผลหงส์บ้อท่าตีหม้อไม่แตก 
ลิเวอร์พูลมีโอกาสได้ลุ้นประตูอย่างที่สุดในจังหวะที่สตีเว่น เจอร์ราร์ดเปิดฟรีคิกไกลร่วม 40 หลามาให้สเคอร์เทลที่อยู่เสาไกลเบียดกับกองหลังสโต๊คก่อนเกี่ยวบอลผ่านปาก ประตูที่มีซัวเรซยืนอยู่แต่เข้าไม่ถึงบอลผ่านออกหลังไปในช่วงนาทีสุดท้ายของ เกมก่อนจบด้วยการเจ๊าแบบไร้สกอร์ 

ที่มา : http://www.hugball.com/matchreport-Premier-League-Liverpool-vs-Stoke-City-5751.html

10/01/2555

นอริช ซิตี้ 2-5 ลิเวอร์พูล

นอริช ซิตี้ 2-5 ลิเวอร์พูล

เบรนแดน รอดเจอร์สตกอยู่ในความกดดันต้องพาทีมชนะนัดแรกให้ได้เสียทีโดยนัดนี้เขา ตัดสินใจพึ่งบริการนักเตะพลังหนุ่มอย่างอันเดร วิสดอมในตำแหน่งแบ็กขวา, ซูโซ่ กับราฮีม สเตอร์ลิ่ง คอยกระชากลากเลื้อยบริเวณริมเส้น 

ส่วนกองกลางนั้นนูริ ซาฮินที่กลางสัปดาห์เพิ่งเหมาคนเดียว 2 ประตูได้โอกาสลงมาทำเกมเคียงข้างสตีเว่น เจอร์ราร์ดและโจ อัลเลนส่วนหน้าที่ป่วนกองหลังตกเป็นของหลุยส์ ซัวเรซเหมือนเดิม 

ครึ่งแรก 

"หม่อมเหยิน"อย่างไวพาหงส์นำโคตรเร็ว 
เพียงแค่นาทีแรกของเกม"หงส์แดง"ก็ได้ประตูขึ้นนำอย่างรวดเร็วเมื่อเกล็น จอห์นสันลากบอลขึ้นมาริมเส้นด้านซ้ายก่อนจ่ายเข้าเขตโทษหวังให้นูริ ซาฮินที่แลปขึ้นมาแต่โดนสกัดออกมาได้แต่ดันมาเข้าทางหลุยส์ ซัวเรซที่ยืนรอหน้ากรอบเขตโทษแตะบอลหลบกองหลังหนึ่งจังหวะพร้อมตวัดด้วยขวา หน้ากรอบเขตโทษบอลเลียดย้อนศรพุ่งเข้าโคนเสาขวามือของจอห์น รัดดี้ที่พุ่งปัดไม่ถึงเป็นสกอร์นำให้ทีมเยือน 1-0 

ถัดจากนั้นเพียง 2 นาทีนูริ ซาฮินเปิดฟรีคิกจากด้านขวาเข้ามากลางประตูเข้าหัวแดเนี่ยล แอ็กเกอร์ก้มโหม่งข้ามคานออกไป 

นอริชโต้บ้างเรน่าบล็อกทัน 
มาถึงนาทีที่ 8 นอริชได้โอกาสลุ้นทำประตูบ้างเมื่อไซเมี่ยน แจ็คสันวิ่งขึ้นมาตรงกรอบเขตโทษด้านซ้ายก่อนตวัดยิงเร็วเข้าทางเสาแรกแต่ เป็นเปเป้ เรน่าที่ยืนปิดมุมดีบล็อกบอลออกไปได้หวุดหวิด 

ชาตินี้ก็ไม่ได้ลูกโทษ! 
มาถึงนาทีที่ 21 "หม่อมเหยิน"อดได้จุดโทษอีกแล้วเมื่อหลุยส์ ซัวเรซบังบอลในกรอบเขตโทษก่อนจะง้างเท้ายิงแต่โดนลีออน บาร์เน็ตต์เบียดมาจากด้านหลังดันจนหน้าคะมำลงไปซึ่งจากภาพช้าน่าจะเป็นจุด โทษอย่างชัดเจนแต่กรรมการก็ยังใจแข็งไม่เป่าให้เป็นลูกจุดโทษแก่"หงส์ แดง"อีกแล้ว 

นกขมิ้นยิงแรงแต่แค่เสียว 
เจ้าถิ่นทำเกมโต้กลับมาทางด้านซ้ายอีกแล้วก่อนครอสบอลไปทางเสาสองให้แอน ดรูว์ เซอร์แมนโหม่งชงมาให้ไซเมี่ยน แจ็คสันยิงด้วยซ้ายเต็มข้อระยะประมาณ 12 หลาแต่บอลโด่งข้ามคานออกไป 

หัวขิงได้โหม่งรัดดี้เซฟเหลือเชื่อ 
ถึงนาทีที่ 33 ลิเวอร์พูลได้ลุ้นอย่างที่สุดเมื่อซูโซ่ทำชิ่งกับซัวเรซริมเส้นด้านซ้ายก่อน ที่"หม่อมเหยิน"จะลากบอลตัดมากลางสนามแล้วตวัดบอลโด่งข้ามหัวกองหลังให้สตี เว่น เจอร์ราร์ดที่พุ่งเข้าไปในกรอบเขตโทษได้โหม่งตรงกรอบแต่ไปติดเซฟของจอห์น รัดดี้ 

จังหวะถัดมานอริชได้โหมบุกขึ้นมาบ้างก่อนได้จังหวะยิงอยู่ 2-3 ครั้งจนกองหลังของ"หงส์แดง"ปั่นป่วนไปเหมือนกันแต่ยังไม่เสียประตู 

ซัวเรซปั่นไซร์หงส์ทะยาน 2-0 
นาทีที่ 37 หลุยส์ ซัวเรซ ได้รับบอลทะลุช่องจากกลางสนามไปดวลเดี่ยวกับรัดดี้แต่บรรจงแปบอลออกหลังไปหน้าตาเฉย 

จังหวะต่อเนื่องนอริชได้ตั้งเตะจากปากประตูรัดดี้ส่งบอลมาให้ไมเคิ่ล เทอร์เนอร์จับบอลไม่ดีและเป็นซัวเรซที่เพิ่งยิงออกไปจังหวะก่อนหน้าวิ่งแซง มาฉกบอลได้พร้อมจิ้มบอลลอดขาเทอร์เนอร์หนึ่งจังหวะและดีดด้วยหัวเกือกหน้า ปากเขตโทษบอลไซร้ก้อยพุ่งไปตุงตาข่ายเสาสองแบบงามหยดชนิดรัดดี้หมดปัญญา ป้องกันทำให้อาตันตุกะจบครึ่งแรกด้วยสกอร์นำห่าง 2-0 

ครึ่งหลัง 

นกขมิ้นพลาดตีไข่แตกน่าเขกกะโหลก 
เริ่มเกมครึ่งหลังไม่กี่วินาทีสตีฟ มอร์ริสันลากเลื้อยผ่านเกล็น จอห์นสันมาถึงสุดเส้นด้านขวาก่อนตักมาให้ไซเมี่ยน เซอร์แมนวอลเล่ย์เต็มข้อบอลทำท่าจะเข้าประตูอยู่แล้วแต่ดันไปโดนโรเบิร์ต สน็อดกลาสส์ที่วิ่งมาเตรียมตัวซ้ำบอลเด้งข้ามคานไปอดได้ประตูตีไข่แตกสุด เหลือเชื่อ

ซาฮินอีกขอมั่ง!! 
น. 47 ราฮีม สเตอร์ลิ่งลากขึ้นมาในจังหวะโต้กลับก่อนส่งให้หลุยส์ ซัวเรซแตะเข้าไปด้านซ้ายในกรอบเขตโทษพร้อมตวัดบอลมากลางประตูกองหลังนอริ ชวิ่งมาเคลียร์ไม่ขาดบอลมาเข้าทาง"หม่อมเหยิน"อีกครั้งซึ่งเขาก็จับบอลก่อน จ่ายไปให้นูริ ซาฮินที่วิ่งเติมขึ้นมาเวลาเหมาะเหม็งแปบอลด้วยซ้ายระยะจ่อๆตุงตาข่ายมาถึง ตรงนี้"หงส์แดง"ทะยานนำ 3-0 แล้ว 

หลังเสียประตูที่ 3 เจ้าถิ่นไม่มีอะไรจะเสียตั้งหน้าตั้งตาบุกแหลกและเกือบได้ประตูตีเสมอหลายครั้งแต่บอลยังไม่ตรงกรอบอยู่เหมือนเดิม 

ซัวเรซแฮตทริก!!! 
มาถึงนาทีที่ 56 หลุยส์ ซัวเรซเอาแฮตทริกจากสนามแคร์โรลล์ โร้ดจนได้เมื่อเขาได้บอลอยู่หน้าปากเขตโทษด้านซ้ายก่อนตวัดยิงด้วยขวาบอล ปั่นโค้งเข้าเสาไกลอย่างสวยงามเป็นประตูพา"หงส์แดง"ขึ้นนำห่าง 4-0 

นกขมิ้นไม่ยอมทวงมา 1 ดอก 
นอริช ซิตี้บุกแหลกและทวงประตูตีไข่แตกจนได้เมื่อสตีฟ มอร์ริสันเก็บตกบอลกระฉอกจากลูกยิงของรัสเซลล์ มาร์ตินก่อนสับด้วยขวาเต็มข้อบอลผ่านมือของเปเป้ เรน่า สกอร์ขยับมาเป็น 4-1 แล้ว 

หัวขิงยิงแฉลบส่งหงส์ 5-1 
สตีเว่น เจอร์ราร์ดเปิดบอลทะลุช่องไปให้ราฮีม สเตอร์ลิ่งได้หลุดเข้ากรอบเขตโทษด้านขวาก่อนเจ้าหน้าวัย 17 ปีตวัดกลับมาให้กัปตันทีมที่วิ่งขึ้นมาหน้าวงกลมกรอบเขตโทษแปบอลด้วยขวาข้าง ถนัดบอลไปแฉลบกองหลังเปลี่ยนทางทำให้จอห์น รัดดี้เสียจังหวะกลับตัวไม่ทัน"หงส์แดง"ขึ้นนำห่างอีกครั้ง 5-1 

หงส์ผ่อนเกมโดนอีกลูก 
เข้าสู่ช่วง 5 นาทีสุดท้ายแกรนท์ โฮลท์ได้บอลหลุดมาทางนอกเขตโทษด้านซ้ายก่อนบรรจงยิงด้วยขวาบอลพุ่งผ่านมือเป เป้ เรน่าเข้าหน้าต่างเสา 2 ทำให้นอริชไล่ขึ้นมาเป็น 5-2 และจบการแข่งขันด้วยสกอร์นี้พร้อมขยับจากอันดับ 18 มาอยู่ที่ 14 ทันที 

ที่มา http://www.hugball.com/matchreport-Premier-League-Norwich-City-vs-Liverpool-5581.html

ซันเดอร์แลนด์ 1-1 ลิเวอร์พูล

ซันเดอร์แลนด์ 1-1 ลิเวอร์พูล 

โดยเจ้าบ้านใช้งาน สเตฟาน แซสเซญง จับคู่ สตีเว่น เฟล็ทเชอร์ เป็นสองคู่หูในแดนหน้า ขณะที่ทีมเยือน ลิเวอร์พูล ส่ง ราฮีม สเตอร์ลิง และ หลุยส์ ซัวเรซ เป็นสองแนวรุก และให้ ฟาบิโอ บอรินี่ เป็นหัวหอกตัวเป้า โดยแดนกลางมี สตีเว่น เจอร์ราร์ด,จอนโจ เชลวี่ย์ และ โจ อัลเลน ประคองเกม

เริ่มเกมมาถึงนาทีที่ 4 "หงส์เเดง"ลิเวอร์พูล ทีมเยือนได้โอกาสลุ้นทำประตูก่อน จากจังหวะที่หลุยส์ ซัวเรซจ่ายบอลให้กับจอนโจ้ เชลวี่ย์ได้ยิงไกลจากเเถวสอง เเต่บอลหลุดออกนอกกรอบไป

นาทีที่ 11 หลุยส์ ซัวเรซกระชากบอลผ่านเเนวรับขึ้นมาด้านฝั่งซ้าย ก่อนจะยิงบอลหลุดเสาเเรกออกไปอย่างน่าเสียดาย และนาทีที่ 18 การ์ลอส เกยาร์โหม่งบอลคืนหลังไม่ดี ฟาบิโอ บอรินี่โฉบเอาบอลไปยิงติดเซฟซิมง มินโญเลต์ เเละได้ซ้ำอีกทีโดยจอนโจ้ เชลวี่ย์เเต่บอลหลุดเสาไป

นาทีที่ 25 หลุยส์ ซัวเรซเเตะบอลคืนหลังให้ฟาบิโอ บอรินี่ได้วอลเล่ย์ด้วยขวา เเต่ไปตรงซิมง มินโญเลต์รับเอาไว้ได้

นาทีที่ 29 เคร็ก การ์ดเนอร์เปิดบอลจากด้านฝั่งขวา เข้ามาให้กับสตีเว่น เฟล็ทเชอร์ยิงผ่านมือโฆเซ่ เรน่าเข้าไปตุงตาข่าย พร้อมกับเป็นประตูให้ ซันเดอร์แลนด์ ขึ้นนำ ลิเวอร์พูล ก่อน 1-0 นาทีที่ 44 จอนโจ้ เชลวี่ย์เปิดบอลจากด้านริมเส้นฝั่งขวา ไปให้กับหลุยส์ ซัวเรซได้ยิง เเต่ไปติดเเนวรับซันเดอร์แลนด์ ก่อนจบครึ่งแรกด้วยสกอร์นี้

เริ่มเกมครึ่งหลังมาด้วยอาการกดดันสุดขีดสำหรับทีมเยือน เกมดำเนินไปถึงนาทีที่ 50 เกล็น จอห์นสันลากบอลตัดเเนวรับซันเดอร์แลนด์ขึ้นมาด้านฝัังขวา เเต่จังหวะสุดท้ายยิงไปชนคานออกไปอย่างน่าเสียดาย



นาทีที่ 60 จอนโจ้ เชลวี่ย์จ่ายบอลจากด้านฝั่งขวา ให้สตีเว่น เจอร์ราร์ดยิงไปชนเสาเหลี่ยมนอกออกไปอย่างน่าเสียดาย

นาทีที่ 65 สตีเว่น เจอร์ราร์ดยิงบอลไปติดสเตฟาน แซสเซญง เเล้วมาเข้าทางมาร์ติน สเคอร์เทลได้โขก เเต่ซิมง มินโญเลต์รับเอาไว้ได้ ก่อนที่ในนาทีที่ 71 ราฮีม สเตอร์ลิ่งเปิดบอลจากด้านฝั่งขวา มาให้กับหลุยส์ ซัวเรซยิงจังหวะเเรกไปติดติตัส บรัมเบิ้ล ก่อนซัวเรซจะตามมายิงซ้ำเข้าไปตุงตาข่าย พร้อมกับเป็นประตูให้ ลิเวอร์พูล ตามตีเสมอ ซันเดอร์แลนด์ เป็น 1-1 

นาทีที่ 80 จอนโจ้ เชลวี่ย์ลากบอลเเหวกเเนวรับซันเดอร์แลนด์เข้ามาด้านฝั่งขวา ก่อนจะยิงไปติดเซฟซิมง มินโญเลต์ บอลกระดอนมาเข้าทางหลุยส์ ซัวเรซได้โหม่ง เเต่บอลก็ยังโด่งข้ามคานออกไป ในขณะที่ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ นาทีที่ 1 หลุยส์ ซาฮาตัวสำรองที่ถูกเปลี่ยนตัวลงมาใหม่ได้โอกาสยิงไกลจากเเถวสอง เเต่บอลโด่งข้ามคานออกไป 

จบเกมทั้งคู่แบ่งแต้มกันแบบขัดใจแฟนทั้ง 2 ฝั่ง โดยเฉพาะทีมเยือน ที่ยังสะกดคำว่าชนะไม่ได้จนถึงขณะนี้

ที่มา : http://www.goal.com/th/match/80847/%E0%B8%8B%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%99%E0%B8%94-vs-%E0%B8%A5%E0%B9%80%E0%B8%A7%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B8%9E%E0%B8%A5/report